วัตถุประสงค์ (Purpose)
กฎหมายต้นแบบฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อรองรับการใช้บริการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัลสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งพึ่งพาบริการที่เชื่อถือได้ (Trust Services) ในการรับรองคุณภาพความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ กฎหมายยังมีบทบัญญัติที่ช่วยส่งเสริมให้มีการยอมรับการใช้บริการเหล่านี้ข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสนับสนุนระบบดิจิทัลที่มีความเชื่อมโยงในระดับสากล
อย่างไรก็ตาม กฎหมายแม่แบบฉบับนี้ ไม่มีผลกระทบต่อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายความเป็นส่วนตัวอื่น ๆ
ความสำคัญของกฎหมายต้นแบบต่อการดำเนินงานจริง (Why is it relevant?)
การค้าดิจิทัลในปัจจุบันต้องอาศัยความมั่นใจในตัวตนของคู่ค้าทางธุรกิจและความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน เช่น แหล่งที่มา ความครบถ้วน และความน่าเชื่อถือของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลจึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยตรวจสอบความถูกต้องของตัวตนของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลขณะที่บริการที่เชื่อถือได้จะทำหน้าที่รับรองความถูกต้อง ความครบถ้วน และความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าว โดยทั่วไปบริการเหล่านี้ดำเนินการโดยผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
กฎหมายต้นแบบ MLIT จึงนับเป็น กฎหมายต้นแบบฉบับแรกในระดับสากล ที่วางมาตรฐานทางกฎหมายสำหรับบริการยืนยันตัวตนดิจิทัลและบริการที่เชื่อถือได้ ทั้งยังช่วยเสริมให้ระบบกฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของ UNCITRAL มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สาระสำคัญของกฎหมายต้นแบบ (Key Provisions)
กฎหมายต้นแบบฉบับนี้ประกอบด้วย 4 หมวด ซึ่งกล่าวถึงบทบัญญัติทั่วไป ได้แก่ หมวดทั่วไป หมวดยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หมวดการให้บริการที่เชื่อถือได้ และหมวดการรับรอง
ข้ามพรมแดน โดยหมวดที่ 1 และหมวดที่ 4 ใช้บังคับการให้บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลที่เชื่อถือได้ ส่วนหมวดที่ 2 และ 3 มุ่งเน้นเฉพาะแต่ละประเภทบริการโดยตรงซึ่งมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
บทที่ 1 ว่าด้วยคำจำกัดความ ขอบเขตการใช้บังคับ และบทบัญญัติทั่วไปเกี่ยวกับการใช้บริการทั้งสองประเภทด้วยความสมัครใจ รวมถึงความสัมพันธ์กับกฎหมายอื่น
บทที่ 2 มีการกำหนดโครงสร้างทางกฎหมายพื้นฐานของระบบจัดการข้อมูลประจำตัว ระบุหน้าที่หลักของผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ความรับผิด ตัวอย่างที่สำคัญคือ มาตรา 9 ที่วางหลักความเทียบเท่าทางหน้าที่ระหว่างการระบุตัวตนในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยต้องใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถประเมินย้อนหลังตาม มาตรา 10 หรือกำหนดล่วงหน้าตาม มาตรา 11
บทที่ 3 ว่าด้วยโครงสร้างทางกฎหมายของการใช้บริการที่เชื่อถือได้ เช่น ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ การประทับเวลา การจัดเก็บข้อมูล การจัดส่งแบบลงทะเบียน และการยืนยันเว็บไซต์ (มาตรา 16–21) โดยแต่ละบริการต้องใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ ซึ่งประเมินตาม มาตรา 22 (การประเมินย้อนหลัง) หรือ มาตรา 23(การประเมินล่วงหน้า)
บทที่ 4 ว่าด้วยกลไกการรับรองข้ามพรมแดนของบริการจัดการข้อมูลประจำตัวและบริการที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของกฎหมายนี้ โดยใช้แนวทางแบบกระจายศูนย์ (decentralized approach) และรองรับการประเมินวิธีการที่เชื่อถือได้ทั้งแบบย้อนหลังและล่วงหน้า
ที่มา: https://uncitral.un.org/en/mlit